วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อิชิน

ลักษณะ/อุปนิสัย

คุโรซากิ อิชชิน เป็นชายวัยกลางคน ไว้หนวดเครา มีนิสัยติงต๊องเหมือนเด็ก หวงลูกสาวมากกว่าลูกชาย แต่บางทีก็เคร่งขรึมเมื่อทำงาน หรือหน้าหลุมศพในวันครบรอบวันตายของมาซากิผู้เป็นภรรยาของเขา

ประวัติ

คุโรซากิ อิชชิน เป็นแพทย์ประจำคลีนิคคุโรซากิ เป็นพ่อของอิจิโกะ คาริน และยูซึ เคยเป็นอดีตยมทูตระดับหัวหน้าหน่วย แต่เขาเองก็มีอดีตฝังใจที่ไม่สามารถช่วยมาซากิผู้เป็นภรรยาได้เมื่อ 6 ปีก่อน รู้เรื่องเกี่ยวกับอารันคาร์เป็นอย่างดี แถมยังรู้จักดีกับอุราฮาร่า คิสึเกะ และอิชิดะ ริวเค็นอีกด้วย

บทบาท

คุโรซากิ อิชชิน ในร่างยมทูต

ภาคโลกมนุษย์

คุโรซากิ อิชชินได้ทำการรักษาชาโดะที่บาดเจ็บจากการถูกฮอลโลว์ทำร้าย แต่ซาโดะกลับหนีไปจึงทำให้อิจิโกะออกตามหา และอิจิโกะก็สามารถกำจัดฮอลโลว์ที่ฆ่าแม่ของชิบาตะลงได้สำเร็จ
หลังจากที่อิจิโกะตัดสินใจไปโซลโซไซตี้ อิชชินได้ให้เครื่องรางคุ้มกันอิจิโกะเอาไว้ ซึ่งจุดประสงค์ของอิชชินก็คือ ให้เครื่องรางคุ้มกันคอนในร่างของอิจิโกะ

ภาคอารันคาร์

คอนในร่างอิจิโกะกำลังจะถูกอารันคาร์ทำร้าย แต่เครื่องรางที่อิชชินให้ได้สร้างเกราะคุ้มกันกอนขึ้นมา และอิชชินในร่างของยมทูตก็ปรากฏตัวออกมาและได้กำจัดอารันคาร์ซึ่งเป็นร่าง ที่ไม่สมบูรณ์ หลังจากนั้นอุราฮาร่าก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับถามไถ่อิชชินเกี่ยวกับร่าง ยมทูตครั้งแรกในรอบ 20 ปี แต่อิชชินกลับคับแค้นใจที่ตนเองไม่สามารถช่วยมาซากิได้ในคืนนั้น พร้อมกับบอกให้กอนปิดเรื่องนี้เป็นความลับ
ต่อมาหลังจากที่อุราฮาระพาตัวอิชิดะหนีออกจากโรงพยาบาล คุโรซากิ อิชชินได้ เข้ามาพูดคุยกับอิชิดะ ริวเค็น โดยริวเค็นได้ตกใจกับพลังยมทูตที่กลับคืนมาของอิชชิน และได้พูดถึงการเลี้ยงลูกตามอุดมการณ์ของสองคน ต่อมาได้เข้าร่วมกับอิจิโกะในร่างยมทูต ่

ดาบฟันวิญญาณ

ขั้นต้น (ชิไค)

  • ชื่อ :เรียวกะ เอ็นเงสึ (ญี่ปุ่น: 剡月 Engetsu, คมจันทรา ?)
  • ลักษณะ : ยังไม่ปรากฏ
  • ความสามารถ : เก็ทสึงะ เท็นโซ (ญี่ปุ่น: 月牙天衝 เขี้ยวจันทรา ทะลวงสวรรค์ ?) เมื่อฟันออกไป ตัวดาบจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณของผู้ใช้และเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังทำลายสีน้ำเงินที่มีพลังมหาศาลและจะขยายใหญ่ขึ้น

ปลดปล่อยสวัสดิกะ(บังไค)

ประวิติ คุจิกิ ลูเคีย น่ารักเนอะ

คุจิกิ ลูเคีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตัวละคร เทพมรณะ
คุจิกิ ลูเคีย
คุจิกิ ลูเคีย
อาชีพ รองหัวหน้าหน่วยที่ 13
วันเกิด 14 มกราคม
อายุ เกือบ 10 รอบของ อิจิโกะ(ถ้านับเป็นอายุ คน จะน้อยกว่า อิจิโกะปีนึง)
สีผม สีดำ
สีตา สีดำ
ส่วนสูง 144 เซนติเมตร
น้ำหนัก 33 กิโลกรัม
หมู่เลือด B
ดาบฟันวิญญาณ โซเดะโนะชิรายูกิ
พากย์เสียงโดย ฟุมิโกะ โอริคาสะ (ญี่ปุ่น)
ปัทมวลัย (ไทย)
ศันสนีย์ ติณห์กีรดีศ (ไทย)
คุจิกิ ลูเคีย (ญี่ปุ่น: 朽木ルキア Kuchiki Rukia ?) เป็นตัวละครเอกจากการ์ตูนเรื่องเทพมรณะ และเป็นยมทูตสังกัดหน่วยที่ 13 แห่ง 13 หน่วยพิทักษ์

เนื้อหา

ลักษณะ/อุปนิสัย

ยมทูตหญิงที่นิสัยค่อนข้างเฮี้ยว หน้าตาสวยน่ารัก ตัวเล็ก ไว้ผมสั้นสีดำ ชอบทำตาขวางและมักจะแสดงอารมณ์รุนแรงเวลาไม่ค่อยพอใจอะไร โผงผาง ปากเร็ว แต่แท้จริงก็เป็นคนดีมาก ขี้กังวล มีความรับผิดชอบมาก เป็นห่วงคนอื่นตลอดเวลา และอ่อนโยน และก็ชอบกระต่ายจั๊ปปี้มากเช่นกัน ทำให้เธอชอบวาดรูปกระต่าย และเชื่อมั่นในฝีมือวาดภาพของตัวเองมาก แต่ความสามารถด้านศิลปะของเธอกลับพอๆกับเด็กประถม

ประวัติ

คุจิกิเป็นยมทูตหน่วย 13 แห่ง13หน่วยพิทักษ์ แต่เดิมเป็นเด็กสาวที่เติบโตจากเมืองลูคอนเขตที่78 ใช้ชีวิตเร่ร่อนไปวันๆ ต่อมาได้มาเจอกับ อาบาราอิ เร็นจิโดย บังเอิญ และได้เป็นเพื่อนสนิทกัน โดยที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในบ้านพักที่เด็กเร่ร่อนมักจะใช้เป็นที่พักพิง ตอนเด็กๆนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่มาดเหมือนผู้ชาย ต่อยตีเก่ง พลังวิญญาณสูง พูดจาห้าวๆด้วยเช่นกัน แต่กระนั้น กิริยาท่าทางของเธอก็แฝงความเป็นผู้ดีอยู่มาก เมื่อเพื่อนของพวกเขาเสียชีวิตไปถึงสามคน ลูเคียและ อาบาราอิ เร็นจิจึง ตัดสินใจเข้าเรียนที่สถาบันชินโอเพื่อสอบเข้าหน่วยพิทักษ์ แต่ยังไม่ทันเรียนจบก็ได้รับการติดต่อให้เข้าเป็นคนของตระกูลคุจิกิ ตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีคุจิกิ เบียคุยะ หัวหน้าหน่วย 6 เป็นเจ้าบ้าน โดยเธอเองก็ได้รับการบรรจุเข้า 13 หน่วยพิทักษ ์หน่วยที่ 13 ในทันที ในช่วงที่เธอเข้าในหน่วยพิทักษ์ เธอได้รับการชี้แนะจาก "ชิบะ ไคเอ็น"รอง หัวหน้าหน่วย 13 อยู่บ่อย แต่เมื่อไคเอ็นถูกฮอลโลว์เข้าสิง ทำให้เธอต้องฆ่าไคเอ็นด้วยมือของตัวเอง ซึ่งเป็นผลให้เธอรู้สึกผิดต่อคนตระกูลชิบะอยู่ตลอดมา ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ 13

บทบาท

ภาคแรก

ลูเคียถูกส่งมาที่โลกในคำสั่งลาดตระเวณเป็นเวลา 1 เดือน เธอได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับฮอลโลว์เพื่อช่วยอิจิโกะ และถ่ายทอดพลังยมทูตให้ ทำให้เธอต้องอาศัยกายหยาบของอุราฮาร่า คิสึเกะเพื่อ ฟื้นฟูพลังและอาศัยอยู่กับอิจิโกะจนกว่าจะฟื้นพลังยมทูตมาได้ แต่นั่นถือว่าเป็นการผิดกฎอย่างร้ายแรง ทำให้เมื่อพ้นช่วง 1 เดือนที่เธออยู่ในโลกมนุษย์แล้วทางโซลโซไซตี้จึงเริ่มสงสัย ในช่วงหลังของภาคแรก ลูเคียจึงถูกพากลับไปโดยคุจิกิ เบียคุยะหัวหน้าหน่วยที่ 6 ซึ่งเป็นพี่ชายบุญธรรม และอาบาราอิ เร็นจิรองหัวหน้าหน่วยที่ 6 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ซึ่งอิจิโกะได้เข้าขัดขวางแต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ ลูเคียจึงถูกพากลับไปโซลไซตี้เพื่อรับ โทษประหารชีวิตทำให้คุโรซากิกับเพื่อนต้องบุกเข้าโซลไซตี้เพื่อช่วยเหลือลูเคีย

ภาคโซลโซไซตี้

ลูเคียต้องรับโทษประหารจากการกระทำของตน โดยใช้"โซเคียคุ" (เครื่องมือสองชิ้นที่ใช้ในการประหาร ประกอบด้วยง้าวที่มีพลังเทียบเท่ากับดาบฟันวิญญาณ 1,000,000 เล่มและแท่นประหารที่ทนต่อดาบฟันวิญญาณได้ในปริมาณที่เท่ากัน) ซึ่งเธอต้องอยู่ในหอสำนึกตนจนกว่าจะถึงวันประหาร ซึ่งในขณะนั้นเธอได้นึกโทษตัวเองอยู่ตลอดถึงการกระทำที่ทำให้หลายๆคนต้องมา รับเคราะห์ ในช่วงนั้นทั้งอิจิโกะและคนอื่นๆต่างก็พยายามที่จะเข้ามาช่วยเธอ รวมทั้งความเห็นของบรรดาหัวหน้าหน่วยต่างๆที่เริ่มแตกแยกกันในเรื่องของการ ประหารลูเคีย โดยที่พวกอิจิโกะได้รับความสนับสนุนจากตระกูลชิบะและตระกูลชิโฮอินทำให้การ ช่วยเหลือลูเคียค่อยๆสะดวกขึ้น และเมื่อถึงวันประหารที่ "เนินโซเคียคุ" อิจิโกะได้เข้ามาช่วยเธอไว้ได้ รวมทั้งการช่วยเหลือจากอุคิทาเกะ จูชิโร่หัวหน้าหน่วย 13 ซึ่งเป็นหัวหน้าของเธอเอง และเคียวราคุ ชุนซุยหัวหน้าหน่วย 8 รวมทั้งเร็นจิ ทำให้เธอรอดจากการประหารมาได้ในที่สุด
หากแต่ความจริงแล้วการประหารครั้งนี้มีเบื้องหลังที่น่าตกใจมาก โดยทุกอย่างเป็นฝีมือของอดีตหัวหน้าหน่วย 5 "ไอเซ็น โซสึเกะ" โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะใช้โซเคียคุ ในการดึงเอาอุปกรณ์ลับที่อดีตหัวหน้าหน่วย 12 อุราฮาร่า คิสึเกะ ได้ซ่อนไว้ในร่างของลูเคีย นั่นคือ "โฮเงียคุ" เพื่อแผนการณ์ของตนเอง โดยลูเคียได้ถูก "โทเซ็น คานาเมะ" หัวหน้าหน่วย 9 ที่เข้าพวกกับไอเซ็นพาตัวกลับไปที่เนินโซเคียคุ และโดนไอเซ็นดึงเอาโฮเงียวคุออกมาในที่สุดและก็เกือบจะต้องสิ้นชีวิตด้วยน้ำ มือของ "อิจิมารุ งิน" แต่เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากเบียคุยะที่เข้ามาขวางทางดาบของอิชิมารุ จากนั้นเมื่อได้รับรู้ความจริงจากปากเบียคุยะ ก็ตัดสินใจอยู่ดูแลพี่ชายบุญธรรมและพักฟื้นพลังวิญญาณของเธอที่โซลโซไซตี้
หลังจากจบศึกที่โซลโซไซเอตี้ ลูเคียได้รับการอภัยโทษ เพราะคำสั่งที่ให้ประหารเธอในตอนแรกเป็นคำสั่งปลอมที่ไอเซ็นทำขึ้น (โดย 46 วังกลาง ที่ทำหน้าที่ออกคำสั่งถูกไอเซ็นฆ่าไปหมดแล้วก่อนหน้านี้หลายวัน) พร้อมกับได้กลับเป็นยมทูตอีกครั้ง เธอได้รวบรวมความกล้าเข้าไปขอโทษกับพี่น้องตระกูลชิบะได้สำเร็จ

ภาคเบาท์

ลูเคียได้กลับมาที่โลกเพื่อศึกต่อต้านเหล่าเบาท์ ที่กำลังวางแผนบุกโซลโซไซตี้ ซึ่งเธอได้โดนเบาท์ที่ชื่อ "มาบาชิ" ทำร้ายและควบคุมร่างกายเธอไว้ แต่ก็รอดมาได้เพราะโอริฮิเมะกับคุโรโดะ และรองหัวหน้าฮิซางิช่วยไว้ จนเมื่อกลับไปที่โซลโซไซตี้ เธอก็ได้สู้กับเบาท์ที่ชื่อโยชิ จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแต่เบียคุยะมาช่วยไว้ทัน แล้วได้พักฟื้นในบ้านตระกูลคุจิกิ

ภาคอารันคาร์

ลูเคียได้รับคำสั่งจากโซลโซไซตี้ให้เข้าร่วมต่อสู้กับอิจิโกะอีกครั้งในศึกครั้งใหม่กับอาร์รันคาร์พร้อมกับยมทูตอีก 5 คนที่ถูกส่งมาพร้อมๆกัน โดยเธอได้แกล้งทำเป็นคนบ้านแตกกับพ่อของอิจิโกะเพื่อขอการอนุญาตให้สามารถเข้าอาศัยในบ้านของอิจิโกะได้ และตอนที่กริมจอว์ แจ็คเกอร์แจ็คกับ อารันคาร์อีก 5 ตนได้ปรากฏตัวในโลกมนุษย์ เธอก็ได้กำจัดอารันคาร์ "ดีรอย" ลงด้วยมือของตน แต่ก็ถูกทำร้ายจากกริมจอว์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ได้รับการรักษาจากโอริฮิเมะ และต่อมาเธอก็ได้เข้าต่อกรกับกริมจอว์ ที่กำลังทำร้ายคุโรซากิ อิจิโกะอยู่ จนเกือบจะถูกจัดการ แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากฮิราโกะที่เป็น "ไวเซิร์ด" จนรอดมาได้ และได้รับคำสั่งจากยามาโมโตะ เก็นริวไซ ชิเงคุนิให้กลับไปยังโซลโซไซเอตี้พร้อมกับยมทูตคนอื่นๆ

ภาคฮูเอโก้มุนโด้

ลูเคียได้ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับเร็นจิในโลกของเหล่าฮอลโลว์ ทั้งสองได้รับความช่วยเหลือจากเบียคุยะจนสามารถเดินทางมาที่นี่ได้(เพราะ เบียคุยะบอกว่าเมื่อพากลับมาก็ไม่ได้รับคำสั่งว่าให้จัดการยังไงต่อ จึงมอบผ้าคลุมให้ และยอมปล่อยให้มาฮูเอโก้มุนโด้แบบอาศัยช่องว่างของคำสั่ง) และเข้าร่วมกับอิจิโกะในการต่อสู้ด้วย โดยในระหว่างที่พวกเธอบุกเข้ามาใน "ลาส นอร์เช่" ปราสาทของไอเซ็นและเหล่าอารันคาร์ เธอได้เผชิญหน้ากับอารันคาร์ระดับเอสปาด้าลำดับที่ 9 นาม "อาโรนีโร่ อัลลูเอรี่" ซึ่งได้เปิดเผยหน้าภายใต้หน้ากากของตน ก็คือ"ชิบะ ไคเอ็น"[1] และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากไคเอ็นเรียบร้อยแล้ว ไคเอ็นก็ได้โจมตีเธอโดยอ้างเรื่องการแก้แค้นจากที่ตนถูกลูเคียฆ่าซึ่งลูเคีย เองก็ยอมรับ แต่ไคเอ็นกลับบอกว่าให้ชดใช้ด้วยการฆ่าพวกพ้องคนอื่นๆ นั่นทำให้ลูเคียบันดาลโทสะและเข้าต่อสู้กับไคเอ็นทันที แต่ด้วยฝีมือที่ต่างชั้นกันมาก ทำให้ลูเคียอยู่ในสภาวะตกที่นั่งลำบาก และในเวลานี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับไคเอ็นที่ทำการปลดปล่อยดาบเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มไปได้พักใหญ่ ลูเคียได้ใช้วิธีล็อกร่างของไคเอ็นไว้ และทำลายผนังเพื่อให้ร่างของเขาสัมผัสแสง จนในที่สุดร่างที่แท้จริงของไคเอ็น หรืออาร์โรนีโร่ก็ปรากฏขึ้น และได้รู้ว่าเป็นฮอลโลว์ที่มีความสามารถในการกลืนกินฮอลโลว์ตนอื่นเพื่อ เพิ่มพลังให้กับตนและหนึ่งในนั้นก็คือฮอลโลว์ที่รวมร่างกับไคเอ็นนั่นเอง โดยลูเคียได้เผชิญหน้ากับอาโรนีโร่ที่ปลดปล่อยดาบของตนเอง ซึ่งเธอได้เสียท่าถูกเออร์โรนีโร่เสียบด้วยเนจิบานะจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยแรงฮึดที่เกิดจากการนึกถึงอดีตของตนกับไคเอ็น ลูเคียได้ใช้กระบวนท่าที่สามของดาบฟันวิญญาณ "ดาบสีขาว" เล่นงานอาโรนีโร่ได้สำเร็จ และได้หมดสติไปจนเกือบจะถูกสังหารโดยโซมารีเอสปาด้าลำดับที่ 7 แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเบียคุยะก่อนจะได้รับการรักษาจากอิซาเนะจนฟื้นคืนสติ

ภาคดวงจิตแห่งศาสตรา

เพราะยมทูตทุกตนสูญเสียดาบฟันวิญญาณของตนเองไปเพราะถูกดาบฟันวิญญาณชื่อ มุรามาสะ บังคับ ทำให้ลูเคียเป็นหนึ่งในยมทูตที่สูญเสีย โซเดะโนะชิรายุกิไป จึงต้องออกตามหาเพื่อนำกลับมาเป็นอย่างเดิม โซเดะโนะชิรายุกิได้ทำร้ายลูเคียหลายต่อหลายครั้งและครั้งสุดท้าย ลูเคียได้ตัดสินใจปลดปล่อยให้โซเดะโนะชิรายุกิเป็นอิสระจากเธอ จึงลงมือพันธนาการด้วยวิถีพันธนาการที่ 61 คุกแสงหกชั้นเพื่อให้ตัวเธอและโซเดะโนะชิรายุกิติดกันไว้ จากนั้นจึงระบายความในใจ ก่อนใช้วิถีทำลายที่ 67 เพลิงสีฟ้าถล่มดอกบัวคู่ ระเบิดทั้งตัวเองไปพร้อมๆ กับโซเดะโนะชิรายุกิ ดาบฟันวิญญาณคู่ใจ แต่ลูเคียก็ยังคงไม่ตายและโซเดะโนะชิรายุกิก็ยังคงตกอยู่ในการควบคุมของมุ รามาสะเช่นเดิม จนกระทั่งเหตุการณ์ไม่คาดถึงคือ คุจิกิ เบียคุยะ กลับไปยืนหยัดอยู่ฝ่ายของมุรามาสะ ซึ่งได้ลงมือฆ่าโซเดะโนะชิรายุกิ ดาบฟันวิญญาณของลูเคีย นับเป็นดาบฟันวิญญาณแรกที่ถูกทำลายโดยมือของผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของ ตอนหลังได้มาช่วยเหลือลูเคียโดยโซเดะโนะชิรายูกิได้บอกว่าได้รับการช่วย เหลือจากหัวหน้าคุโรซึจิ มายูริไว้

ภาคไอเซ็นบุกโลกมนุษย์

ในขณะที่ทาง 13 หน่วยพิทักษ์ส่วนหนึ่งที่อยู่ฝั่งโลกมนุษย์ได้ต่อสู้กับเอสปาด้าที่ไอเซ็นนำ มา ได้สู้กันอย่างดุเดือด ทั้งคู่ของซุยฟง ฮิตสึกายะ ชุนซุย และอุคิทาเกะ ที่พอสู้ไหวก็ได้ทำการรบต่อ อีกฝั่งหนึ่งที่ไปฮูเอโกมุนโดเพื่อที่จะช่วยเหลือ อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะอีกเหมือนกัน คุจิกิ ลูเคีย อาบาไร เร็นจิ ซาโดะ ยาสึโทระ อิชิดะ อุริว ก็ได้ทำการสู้กับหน่วยรบพิเศษของฝั่งอารันคาร์ เพื่อที่จะให้ คุโรซากิ อิจิโกะ ได้บุกไปช่วย อิโนะอุเอะได้ ทางฝั่งลูเคียได้พบกับหัวหน้าหน่วยรบที่มีพลังที่เพิ่มลูกน้องได้ไม่จำกัด ก็ได้ต่อสู้กัน แต่ดูเหมือนจะเริ่มอ่อนล้าลงไปทุกที ในที่สุดลูเคียจึงได้ใช้ท่าไม้ตายของตน จนสามารถกำจัดหัวหน้าหน่วยรบพิเศษได้สำเร็จ แต่ว่า เอสปาด้าอันดับ 0 ยามี่ ริยัลโก ที่คาดว่าจะถูก อิชิดะ อุริว เล่นงานไปแล้วกับโผล่ตัวมา พร้อมกับพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่ถูกเก็บไว้ภายใต้ความโกรธเกรี้ยว

ภาคตัวแทนยมทูตที่หายไป

ลูเคียได้ปรากฏตัวพร้อมกับเหล่ายมทูตระดับหัวหน้าหน่วย โดยการมาครั้งนี้มาเพื่อจะนำพลังของอิจิโกะกลับคืนมาและ
ก็มาเพื่อสอดส่องอิจิโกะเนื่องจากเป็นกฎเก่าแก่ของโวลโซไซตี้ที่มีไว้ว่า ถ้ามีตัวแทนยมทูตอีกคนปรากฏตัวแล้ว ตามพวกกับกินโจว ก็ให้ทำการสังหาร โดยเหตุการณ์การรับรู้ทั้งหมดที่ส่งไปถึงสิบสามหน่วยพิทักษ์ได้ผ่านทาง ตราตัวแทนยมทูตของอิจิโกะแต่ตอนที่อิจิโกะรับรู้ความจริงก็ตัดสินใจที่จะ เชื่อมั่นในสิบสามหน่วยพิทักษ์จึงทำให้ ภารกิจนี้เป็นอันต้องยกเลิก และเปลี่ยนกฎใหม่เพื่ออิจิโกะได้เป็นตัวแทนยมทูตต่อไป

ดาบฟันวิญญาณ

โซเดะโนะชิรายูกิ

ขั้นต้น (ชิไค)

  • ชื่อ: โซเดะโนะชิรายูกิ (ญี่ปุ่น: 袖白雪 / ソデ ノ シラユキ Sode no Shirayuki, หิมะขาวในแขนเสื้อ ?)
  • คำปลดปล่อย : "จงร่ายรำโซเดะโนะชิรายูกิ" (ญี่ปุ่น: 舞え / マエイ mae ?)
  • ลักษณะ : ตัวคมดาบจะมีสีขาวทั่วทั้งเล่ม ทั้งใบมีด ด้ามดาบ โกร่งดาบ และมีริบบิ้นยาวห้อยออกมาจากปลายด้ามดาบ ได้ชื่อว่าเป็นดาบฟันวิญญาณที่งดงามที่สุดในโซลโซไซตี้
  • ความสามารถ : เป็นดาบสายน้ำแข็ง มีรูปแบบของพลังอยู่ 3 แบบ
  • ระบำที่ 1 (初めの舞) ซึคิชิโระ (ญี่ปุ่น: 月白 จันทราสีขาว ?) เป็นการใช้ดาบวาดขอบเขตวงกลมสีขาว ซึ่งจะแช่แข็งทุกสิ่งภายในขอบเขต จากพื้นจนถึงขอบฟ้าแม้จะไม่ได้เหยียบอยู่บนพื้นก็ตาม
  • ระบำที่ 2 (次の舞) ฮาคุเร็น (ญี่ปุ่น: 白漣 ระลอกขาว ?) เป็นการยิงคลื่นพลังเป็นริ้วๆ 4 สาย และจะเปลี่ยนไปเป็นคลื่นน้ำแข็งเข้าโจมตี
  • ระบำที่ 3 (参の舞) ชิราฟุเนะ (ญี่ปุ่น: 白刀 ดาบสีขาว ?) เป็นการสร้างคมดาบน้ำแข็งขึ้นจากดาบเข้าแทงศัตรู ซึ่งแม้ตัวดาบจะหักไปแล้วก็ยังสามารถใช้ท่านี้ได้[2]
  • รูปร่างที่แท้จริง : เป็นผู้หญิงผมยาว ผิวสีขาวดังหิมะ สง่างามในชุดกิโมโน นับเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)

เกร็ดความรู้

  • เนื่องจากลูเคียต้องการจะเป็นกุลสตรีที่สมบูรณ์พร้อมอย่าง มิยาโกะ ภรรยา ของไคเอ็น ทำให้เธอมีความสามารถพิเศษในการทำอาหารด้วย
  • ย้อนไปตอนที่ไอเซ็นออกไปจากโซลโซไซตี้ใหม่ๆ พวกเบียคุยะ ต่างได้รับบาดเจ็บต้องรักษาตัวที่หน่วย 4 ลูเคียจึงอยากทำของกินไปให้เบียคุยะ ซึ่งในตอนแรก ลูเคียทำของหวาน (ชิราทามะ) ไปให้ แต่ปรากฏว่า เบียคุยะชอบทานของเผ็ด จึงเอาขนมไปให้รันงิคุแทน ต่อมา ลูเคียทำแกงกระหรี่ แต่พอจะเอาไปให้เบียคุยะ อุโนะฮานะ หัวหน้าหน่วย 4 แนะนำว่าไม่เหมาะกับคนที่เพิ่งทุเลาจากอาการบาดเจ็บ เธอจึงเอาไปให้ เร็นจิกับอิจิโกะแทน ซึ่งทุกคนต่างก็ชมว่าฝีมือทำกับข้าวของเธออร่อยมาก จนสุดท้าย เธอจึงต้มข้าวต้มไปให้เบียคุยะ ซึ่งเบียคุยะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ค่อยๆทานจนหมด ทำให้ลูเคียรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่าง เธอกับพี่ชาย ดีขึ้นทีละน้อยๆ[3]
  • ในลำดับการสอบที่ปรากฏในภาคแรก ลูเคียได้ลำดับที่ 302 จาก 322 ลำดับ เพราะนอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้ว ลูเคียสอบตกหมดทุกวิชา[4]
  • วันเกิด : 14 มกราคม
  • ส่วนสูง : 144
  • น้ำหนัก : 33
  • กรุ๊ปเลือด : B

อ้างอิง

  1. ^ เทพมรณะตอนที่ 262
  2. ^ เทพมรณะบทที่ 268
  3. ^ อ้างอิงจาก bleach novel : The honney dish rhapsody
  4. ^ "อินไซด์ Bleach" Dek-D"

งิน น้อย

ลักษณะ/อุปนิสัย

งิน เป็นชายร่างผอมสูง ตาตี่ ผมสีเงิน ใบหน้ามีรอยยิ้มตลอดเวลาภายใต้ความโหดเหี้ยม เขาเป็นคนลึกลับ ไม่สามารถอ่านความคิดของเขาออกได้ และมักจะทำอะไรไปโดยไม่บอกกล่าวใคร เป็นคนสุขุม แต่ใต้ความสุขุมนั้นเต็มไปด้วยพลังที่มากมาย ความเยือกเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ของ งิน ทำให้ ดู โหดเหี่ยม แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนโยนอยู่เล็กน้อย สังเกตได้จากตอนที่ งิน ช่วย รันงิคุ ไว้เมื่อสมัยก่อน

ประวัติ

งิน ในตอนเด็กนั้นอาศัยอยู่ที่เมืองลูคอน ได้เจอกับมัตสึโมโตะ รันงิคุที่ กำลังนอนหมดสติอยู่ เขาจึงให้ผลไม้เธอ โดยเขาได้บอกกับรันงิคุว่าวันที่รันงิคุพบเจอเขา คือ วันเกิดของเธอ จากนั้นวันต่อมาเข้าได้หายตัวไป โดยอิชิมารุนั้นได้เข้าสังกัดหน่วยที่ 5 โดนดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า และมีไอเซ็น โซสึเกะเป็นหัวหน้าหน่วย ต่อมาด้วยความสามารถของเขาจึงได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยที่ 3
  • วันเกิด / 10 กันยายน
  • ส่วนสูง / 185 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก / 69 กิโลกรัม
  • ดาบฟันวิญญาณ / ชินโซ
  • คำปลดปล่อย / “จงพุ่งสังหาร ชินโซ”
  • ความชอบส่วนตัว / สังเกตพฤติกรรมมนุษย์
  • ความถนัดส่วนตัว / ร้อยด้ายผ่านเข็ม
  • อาหาร / อาหารที่ชอบ - ลูกพลับตากแห้ง
  • อาหารที่ไม่ชอบ - มันตากแห้ง
  • การพักผ่อนสบายๆในวันหยุด / เดินเล่น

บทบาท

ภาคโซลโซไซตี้

อิชิมารุ งิน ได้พบจิดันโบที่กำลังเปิดประตูให้พวกอิจิโกะเข้าไปในเซย์เรย์เทย์ เขาจึงฟันแขนจิดันโบ และได้ต่อสู้กับอิจิโกะ ซึ่งเขาก็สามารถขับไล่พวกอิจิโกะออกไปจากเซย์เรย์เทย์ได้ ต่อมาเขาได้ถูกหัวหน้าใหญ่ยามาโมโตะตำหนิ ที่ปล่อยให้เรียวกะอย่างพวกอิจิโกะหนีไป แต่สุดท้ายก็ไม่เอาความ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไอเซ็นได้พูดคุยกับอิชิมารุอย่างมีลับลมคมใน จนะกระทั่งไอเซ็นถูกฆ่าตาย ขณะนั้นฮินาโมริเศร้าเสียใจอย่างมาก เธอคิดว่าเป็นฝีมือของอิชิมารุ จึงได้พลั้งดาบใส่ แต่ถูกคิระขัดขวางเอาไว้ ทั้งสองได้ต่อสู้กันจนกระทั่งหัวหน้าฮิซึกายะเข้า มาขวางทางดาบไว้และสั่งให้จับตัวทั้งสองคนไปขังคุก ต่อมาเมื่อฮินาโมริได้แหกคุกออกมาและกำลังจะทำร้ายหัวหน้าฮิซึกายะ อิชิมารุได้มองทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้แล้วยิ้ม ฮิซึกายะคิดว่าทั้งหมดเป็นแผนการของอิชิมารุจึงชกฮินาโมริให้สลบแล้วพุ่ง เข้าสู้ แต่ฮิซึกายะที่หลบดาบของอิชิมารุได้พลั้งจะแทงฮินาโมริเข้า แต่โชคดีที่มัตสึโมโตะขวางไว้ทัน ต่อมาขณะที่ฮินาโมริสะกดรอยฮิซึกายะไปที่ 46 วังกลาง อิชิมารุที่ตามหลังมาจึงได้พาฮินาโมริไปหาหัวหน้าไอเซ็น จากนั้นก็ยืนดูไอเซ็นฆ่าฮินาโมริ จนเมื่อความจริงเปิดเผยจึงได้หายตัวที่ไปเนินโซเคียคุ และได้บอกความจริงของแผนการจนหมด หลังจากไอเซ็นนำลูกแก้วโฮเคียขุออกมาจากตัวของลูเคียแล้ว อิชิมารุก็ได้ปลดปล่อยดาบเพื่อจะฆ่าลูเคีย แต่โชคดีที่เบียคุยะเข้ามาขวางไว้ แต่สุดท้ายพวกไอเซ็นก็หนีไปได้

ภาคอารันคาร์

หลังจากโทเซ็นได้ ลงโทษกริมจอว์ที่บุกโลกมนุษย์โดยพลการ หลังจากลงโทษเสร็จไอเซ็นเดินออกมา อิชิมารุได้พูดกับไอเซ็นว่าปั่นหัวลูกน้องอยู่หรือ แต่ไอเซ็นก็นิ่งเฉยพร้อมบอกว่าพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่กิลเลี่ยน แล้วก็บอกกับอิชิมารุว่าจะทำการคัดวาสโตรเด้เพื่อให้เป็นเอสปาดาใหม่ก็ได้
ภาคไอเซ็นบุกโลก
อิชิมารุ งิน มายังโลกกับ ไอเซ็น และ โทเซ็นซึ่งมาในเมืองคาราคุระแต่เป็นเมืองปลอมที่ทางโซลโซไซตี้ดักไว้แต่ก่อน ที่จะต่อสู้หัวหน้าใหญ่ยามาโมโตะได้สร้างไฟล้อมไอเซ็น งิน โทเซ็นไว้ และหลังจากสู้กับเอสปาด้าจนหมด ทั้ง3ก็ออกมาจากวงล้อมไฟได้ โดยในเหตุการณ์นั้น งินได้ฟัน พวกไวเซริด์ ฮิโยริ ตัวขาด 2 ท่อน และได้สู้กับ อิจิโกะ โดยใช้บังไค และไม่ฆ่าอิจิโกะ ต่อมาก็ได้ไปเมืองคาราคุระของจริงกับไอเซ็น 2 คน(โทเซ็น)ถูกไอเซ็นฆ่าไปแล้วเพราะเห็นว่าหมดประโยชน์ ขณะที่ไอเซ็นกำลังจะฆ่าพวกเพื่อนๆอิจิโกะ มัตสึโมโตะ รันงิคุ ก็เข้ามาขวาง งินจึงขออนุญาตไอเซ็นโฉบพาเพื่อนสาวไปบนดาดฟ้าตึก หลังคุยไม่นาน งินตัดสินใจปาดใหล่ด้านขวาของรันงิคุ เพื่อไม่ให้ไปเผชิญหน้ากับไอเซ็นได้ ต่อมาเขาได้ตัดสินใจทรยศไอเซ็นโดยใช้พลังที่เป็นพิษคามิชินิ โนะ ยาริแต่ไม่สามารถทำอะไรไอเซ็นได้ ท้ายสุดงินต้องโดนตัดแขนขาดไปข้าง และโดนแทงจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะหมดสติลงเขาได้คิดเรื่องราวในอดีตที่เฉลยความจริงว่า งินเข้ามาเป็นยมทูตเพราะเพื่อที่จะแก้แค้นไอเซ็นที่ช่วงชิงแรงกดดันวิญญาณ ของรันงิคุในสมัยที่ยังเป็น เด็ก จุดประสงค์ของไอเซ็นทีรวบรวมแรงดันวิญญาณ คือ เพื่อให้ โฮเงียคุ นั้นเสร็จสมบูรณ์แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาได้เอ่ยขอโทษรันงิคุ และหลังจบศึกกับไอเซ็นอิชิมารุก็หายตัวไป

ดาบฟันวิญญาณ

ขั้นต้น (ชิไค)

  • ชื่อ : ชินโซ (ญี่ปุ่น: 神鎗 Shinso หอกเทวะ ?)
  • คำปลดปล่อย : จงมุ่งสังหาร (ญี่ปุ่น: 射殺せ ikorose ?)
  • ลักษณะ : ตัวคมดาบจะสั้นลงเหมือนมีด
  • ความสามารถ : ดาบจะสั้นไม่เปลี่ยนรูปร่าง แต่เมื่อเล็งไปที่ศัตรูดาบจะยาว แล้วพุ่งไปหาศัตรูด้วยความเร็วสูง

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)

  • ชื่อ : คามิชินิ โนะ ยาริ(ทวนลงทันฑ์พระผู้เป็นเจ้า) > หอกประหารเทพ
  • ลักษณะ : ตัวคมดาบจะสั้นลงเหมือนมีด
  • ความสามารถ :ยืดได้ยาว 13 กิโลเมตร
cคามิชินิ โนะ ยาริ(ทวนลงทันฑ์ของพระผู้เป็นเจ้า) ดาบจะสามารถแตกหน่อออกมาได้
พริบตาที่ตัวดาบยืดออกมันจะแตกเป็นเศษเล็ก ข้างในใบดาบ มีพิษร้ายแรงที่สามารถทำให้เซลล์หลอมละลายได้;;; 1.คามิชินิ โนะ ยาริ บุโท;;;(ทวนลงทันฑ์ของพระผู้เป็นเจ้า ร่ายรำ) 2.คามิชินิ โนะ ยาริ บุโทเร็นจิน(ทวนลงทันฑ์ของพระผู้เป็นเจ้า คมดาบรายร่ายรำ)

ลับสุดยอด

พลับตากแห้งนั้นเป็นของโปรดของงินตั้งแต่สมัยเด็ก ที่ทำการของหน่วยที่สามนั้นมีต้นพลับที่งินปลูกเองอยู่ แล้วพอทำพลับตากแห้งเสร็จก็แจกจ่ายให้กับหน่วยอื่นๆ ส่วนมันตากแห้งนั้น พอมองแล้วเจ้าตัวนึกว่าพลับตากแห้ง แต่พอกินไปแล้วกลับเป็นมันตากแห้ง จึงเกลียดด้วยเหตุนี้

ประวัติ คุจิกิ เบียคุยะ

ลักษณะ/อุปนิสัย

กฏเกณฑที่สถิตอยู่ในแววตา
เบียคุยะ เป็นชายร่างสูง สง่างาม ที่หัวมีปิ่นปักผมของขุนนางชั้นสูง เขาเป็นคนเงียบครึม มักจะไม่ค่อยพูด เคร่งครัดในกฏระเบียบ ไม่ชอบแสดงความรู้สึกทางสีหน้า และที่สำคัญคือมักจะเย็นชากับคนรอบข้างเสมอ จนบางคนออกปากเรียกเขาว่า"เจ้าชายน้ำแข็ง" แต่แท้จริงแล้วเขาเองก็ถือได้ว่าเป็นคนที่รักษาสัจจะอย่างแท้จริงคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่มักจะจริงจังต่อการทำงานในหน้าที่และยึดทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎ ที่มีอยู่ ตอนเด็กๆนั้นคนละเรื่อง เพราะกำลังเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงสดใส ชอบการฝึกดาบอยู่ที่คฤหาสน์คุจิกิ และชอบทะเลาะกับโยรุอิจิซึ่งตอนนั้นเป็นหัวหน้าหน่วย2เพราะเธอชอบแย่งเชือก มัดผมของเบียคุยะจากนั้นก็ใช้ก้าวพริบตาหนีหายไป

ประวัติ

คุจิกิ เบียคุยะ เป็นหัวหน้าตระกูล "คุจิกิ" 1 ใน 4 ตระกูลขุนนางชั้นสูงสุด และว่ากันว่าเบียคุยะนั้นมีฝีมือเก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ตระกูลคุจิกิ อันยาวนาน เขาเป็นพี่ชายบุญธรรมลูเคีย และเป็นหัวหน้าหน่วย 6 ของ "13 หน่วยพิทักษ์" ซึ่งเขาได้รับลูเคียมาเป็นน้องสาวบุญธรรม เนื่องจากคำสัญญาของเขากับ "ฮิซานะ" ซึ่งเป็นพี่สาวที่แท้จริงของลูเคียและเป็นภรรยาของเขาซึ่งขอให้น้องสาวของตน เรียกเบียคุยะว่าพี่(สรุปง่ายๆก็คือลูเคียเป็นน้องสะใภ้ของเบียคุยะ) ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องแหกกฎของตระกูล เขาจึงสาบานต่อหน้าสุสานของพ่อแม่ว่าจะไม่ทำผิดกฎอีกเป็นครั้งที่สอง และปิดเรื่องนี้เป็นความลับตลอดมา
  • วันเกิด / 31 มกราคม
  • ส่วนสูง / 180 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก / 64 กิโลกรัม
  • ดาบฟันวิญญาณ / เซ็มบงซากุระ
  • คำปลดปล่อย / จงโปรยปราย เซ็มบงซากุระ
  • บังไค / เซ็มบงซากุระ คาเงโยชิ (เงาหาญซากุระพันกลีบ)
  • ความชอบส่วนตัว / เดินเล่นชมจันทร์
  • ความถนัดส่วนตัว / การคัดอักษร
  • อาหาร / อาหารที่ชอบ - อาหารเผ็ด
  • อาหารที่ไม่ชอบ - อาหารหวาน
  • การพักผ่อนสบายๆในวันหยุด / เข้าร่วมวาระประชุมของสี่ตระกูลขุนนาง หรือคัดอักษรเพื่อทำใจให้สงบ
ข้อมูลของหน่วย 6
สัญลักษณ์ของหน่วยคือ ดอกสึบากิหรือดอกคาเมลเลีย ความหมายคือ อุดมคติอันสูงส่ง
ซึ่งความหมายนี้ อธิบายลักษณะนิสัยของทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยได้อย่างชัดเจนยิ่ง เป็นหน่วยที่มีระเบียบวินัยและถือเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งมากหน่วยหนึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นหน่วยที่สงบเรียบร้อยและเยือกเย็นตามนิสัยของหัวหน้า เพราะเบียคุยะชื่นชอบกิจกรรมที่ทำให้ใจสงบสุขุม ไม่เว้นแม้แต่การเดินชมจันทร์

บทบาท

ภาคโซลโซไซตี้

เขาปรากฏตัวครั้งแรกพร้อมกับรองหัวหน้าหน่วย 6 "อาบาราอิ เร็นจิ"จาก คำสั่งปลอมของ "วังกลาง 46 ห้อง" ให้ไปจับตัวลูเคียกลับมาจากโลกมนุษย์ และเบียคุยะนั้นยังเป็นผู้ตัด"โซ่กรรม"ของอิจิโกะ จนอิจิโกะสูญเสียพลังของยมทูตที่ได้มาจากลูเคียไป
หลังจากนั้นเบียคุยะก็ไม่ได้สนใจที่จะช่วยเหลือลูเคีย นั่นเพราะเขาเองได้สาบานแล้วว่าจะไม่แหกกฎอีก ทำให้อยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเขาก็ได้ต่อสู้กับเร็นจิที่ต้องการช่วยลูเคียและเอาชนะได้
ในตอนท้ายของภาคโซลโซไซตี้ เขาได้เข้าต่อสู้กับอิจิโกะและได้ใช้พลังและความสามารถทั้งหมดเท่าที่มีใน การต่อสู้ จนในที่สุดเขาก็ยอมและจากไปทั้งที่ยังไม่รู้ผล แต่ในตอนที่ลูเคียกำลังจะโดน"อิจิมารุ งิน"จัดการ เขาก็เอาตัวเองมารับการโจมตีแทน และหลังจากนั้นเขาก็บอกความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพี่สาวของลูเคีย เขาได้พักรักษาตัวเองอยู่ที่โซลโซไซตี้

ภาคเบาท์

เบียคุยะได้ประจำอยู่ที่โซลโซไซตี้ และเมื่อเหล่าเบาท์ได้บุกมาถึงเซย์เรย์เทย์ เขาก็ได้เข้าต่อสู้กับคาริยะ จินหัว หน้าของเหล่าเบาท์ จนถึงขั้นที่เบียคุยะต้องปลดปล่อยสวัสดิกะ แต่อิจิโกะก็เข้ามาช่วยด้วยเสียก่อน ทำให้การต่อสู้จบลงโดยไม่รู้ผลแพ้ชนะ และในช่วงสุดท้ายของภาค เบียคุยะได้เข้าขัดขวางการส่งพลังเพื่อจุดระเบิดพลังวิญญาณ ของคาริยะในระหว่างการต่อสู้กับอิจิโกะร่วมกับโยรุอิจิ และเฝ้ามองการต่อสู้ของทั้งคู่อยู่จนจบ

ภาคอารันคาร์

เบียคุยะไม่ค่อยมีบทมานัก นอกจากการปรากฏตัวในการประชุมในช่วงแรกและการมารับเหล่ายมทูตกลับไปยังโซลโซไซตี้ในช่วงหลัง

ภาคฮูเอโก้มุนโด้

เบียคุยะได้ช่วยเหลือเร็นจิกับลูเคียให้เข้ามาในฮูเอโก้มุนโด้ เพื่อช่วยเหลือพวกอิจิโกะในการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือโอริฮิเมะ
นอกจากนั้นยังมาช่วยเหลือลูเคียจากการกวาดล้างของเอสปาด้า หมายเลข 7 ที่ชื่อว่า "โซมารี เลอรูซ์" เบียคุยะใช้เซ็มบ้งซากุระจัดการกับโซมาลีได้เป็นผลสำเร็จ และตามซาราคิ เคมปาจิไปหาอิจิโกะหลังจากที่อิจิโกะสู้กับอุลคิโอร่าเสร็จแล้วและกำลังปะทะ กับเอสปาด้าลำดับ10(หรือ0)ยามี่ ริยัลโก้ หลังจากปล่อยให้ซาราคิสู้กับยามี่ ก็พูดเตือนสติอิจิโกะให้รีบกลับไปยังโลกมนุษย์ด้วยความช่วยเหลือของคุโรซึจิ มายูริที่วิเคราะห์และเปิดการ์กันต้าที่ฮูเอโก้มุนโด้สำเร็จ จากนั้นเบียคุยะก็นั่งดูการต่อสูของซาราคิกับคุโรซึจิและเนมอย่างเงียบๆ

ดาบฟันวิญญาณ

ขั้นต้น (ชิไค)

  • ชื่อ : เซ็มบ้งซากุระ (ญี่ปุ่น: 千本桜 Senbonzakura ซากุระพันดอก ?)
  • คำปลดปล่อย : "จงโปรยปราย" (ญี่ปุ่น: 散れ chire ?)
  • ลักษณะ : เป็นดาบเหมือนเดิม
  • รูปร่างที่แท้จริง : เป็นผู้ชายร่างสูง ใส่ชุดญี่ปุ่นโบราณ นิสัยเยือกเย็น เงียบขรึม ใส่หน้ากากรูปยักษ์ มีนิสัยเสียคือ ชอบหลอกใช้และโยนความผิดให้คนอื่น ใจร้อน ความอดทนต่ำเหมือนนิสัยของ คุจิกิ เบียคุยะ ตอนเด็ก (อาจจะเป็นเพราะดาบฟันวิญญาณแสดงตัวตนของเจ้าของดังที่ เคียวราคุ กล่าวไว้)
  • ความสามารถ : ตัวคมดาบจะกลายสภาพเป็นกลีบเล็กๆจำนวนนับพันกระจายออกคล้ายกลีบดอกซากุระ ซึ่งจะพุ่งเข้าเฉือนร่างของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วและรุนแรง และสามารถใช้ในการตั้งรับได้อีกด้วย สามารถกันได้ทุกอย่าง และใช้ตัดผม

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)

  • ชื่อ : เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ (ญี่ปุ่น: 千本桜景厳 เงาหาญซากุระพันดอก ?)
  • ลักษณะ : เป็นดาบเหมือนเดิม
  • ความสามารถ : ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น2เท่า
  • รูปแบบที่ 1 เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ (เงาหาญซากุระพันกลีบ)
เบียคุยะจะปล่อยดาบจมลงดิน และผุดขึ้นมาเป็นคมดาบยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วยเรียงเป็นแถวยาวจนลับสายตา ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น2เท่า
  • รูปแบบที่ 2 เซ็นเคย์ (เงาพิฆาต)
ตัวกลีบคมดาบจะรวมกันกลายเป็นดาบเล็กๆนับร้อยล้อมรอบสถานที่ต่อสู้ ซึ่งเบียคุยะสามารถควบคุมให้ดาบพุ่งเข้ามาหาตัวเองหรือคู่ต่อสู้ได้ตามต้อง การ เป็นการโจมตีที่จะปิดช่องทางหนีของศัตรู และจะเน้นการโจมตีเพียงอย่างเดียว
  • รูปแบบที่ 3 ชูเคย์ (เงาสุดท้าย) ฮาคุเทย์เค็น (ญี่ปุ่น: 白帝剣 ดาบจักรพรรดิขาว ?)
กลีบคมดาบทั้งหมดจะมารวมกันเป็นดาบเดียว ซึ่งจะมีสีขาวส่องประกาย และจะมีแสงเป็นรูปปีกแตกออกสองข้าง เป็นการโจมตีขั้นสุดท้ายของเซ้มบงซากุระคาเงโยชิ
  • รูปแบบที่ 4 โกเคย์ (วงล้อมพิฆาต)
กลีบเซ็มบงซากุระจะล้อมรอบศัตรูและจะโจมตีพร้อมกันและไม่เคยมีใครรอด (ยกเว้นอิจิโกะแต่ก็เกือบตาย) ปรากฏอีกครั้งเมื่อเริ่มการต่อสู้กับเอสปาดาหมายเลย 7 โซมารี เลอรูส์
หมายเหตุ เบียคุยะมีวิถีมารขั้นสูงที่ถนัดที่สุดคือ วิธีผนึกที่ 81 ดันคู(สะบั้นมิติ) อ้างอิงจาก หนังสือbleachเทพมรณะเล่ม34 หน้า141 ช่องที่1และช่องที่2

ลับสุดยอด

  • คฤหาสน์คุจิกินั้นมีอาณาเขตกว้างขวางมาก ถึงขนาดที่มีแม่น้ำไหลผ่านถึงหน้าห้องของเบียคุยะเลยทีเดียว และเมื่อเข้ามาในคฤหาสน์ก็จะพบกับบึงแห่งหนึ่งซึ่งในนั้นจะมีปลาโค่ยที่ เลี้ยงกันมารุ่นต่อรุ่นอยู่ เป็นปลาโค่ยที่แปลกประหลาดเพราะมีขนาดใหญ่กว่าปกติร่วมสามเท่า และยังมีเกล็ดเป็นประกายสีทองอีกด้วย แต่พักหลังนี้จำนวนของมันกลับลดลงไปเรื่อยๆ จากเดิมที่มีอยู่สิบตัวกลับเหลือเพียงสี่ตัว แต่ก็มีข่าวลือมาจากข้ารับใช้ของตระกูลคุจิกิว่า ตอนกลางดึกนั้น ยาจิรุ จะแอบเข้ามาจับปลาโค่ยไปเพื่อเอาไปเป็นของเยี่ยมอุคิทาเกะ แล้วเอาปลาโค่ยไปปล่อยในวังฤดูฝนของอุคิทาเกะ “พักหลังๆนี้มีปลาโค่ยตัวใหญ่เพิ่มมาเยอะเลย!” อุคิทาเกะให้การอย่างอารมณ์ดี
  • เบียคุยะ ในวัยเด็กนั้น สดใสร่าเริง เป็นเด็กที่มีสมองอันชาญฉลาด เรียกได้ว่าอัจฉริยะ เขาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้เร็ว แม้กระทั่งการใช้ก้าวพริบตายังสามารถพัฒนาได้เป็นอย่างดีในช่วงวัยเด็ก มีอารมณ์ที่ร้อนและวู่วามเช่นเดียวกับเด็กทั่วๆไป
  • เบียคุยะสามารถปล่อยมุขที่ทำให้ทุกคนตกใจได้เช่นเอาเซ็มบงซากุระตัดผม(!!?)
  • ดาบฟันวิญญาณของเบียคุยะสามารถชิไคด้วยตัวเองได้แม้ไม่อยู่ในมือเจ้านาย หากเบียคุยะตกอยู่ในสภาวะอันตรายในสถานการณ์ที่ดาบพลัดหลุดจากมือ

ประวัติ เคมปาจิ

ลักษณะ/อุปนิสัย

เคนปาจิ เป็นชายร่างใหญ่ ไว้ผมทรงหนามและมีกระดิ่งห้อยที่ปลายเส้นผม(เนื่องจากใช้สบู่ในการสระผม) ตาขวาของเขามีผ้าปิดตาที่ของงานวิจัยของหน่วยที่ 12 สร้างขึ้น เพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณของตนเอง ที่ทะลักออกมามากกว่าพลังวิญาณของอิจิโกะเสียอีก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อยมทูตอื่นที่มีพลังวิญาณต่ำ บนหลังของเขาจะมียาจิรุเกาะ อยู่เสมอ เคมปาจิเป็นคนที่ชื่นชอบการต่อสู้ และไม่สนใจศัตรูที่อ่อนแอกว่าตนเอง เขาไม่มีทั้งชิไคและบังไค แต่ในการต่อสู้ของเขาจะใช้พลังวิญญาณและความสามารถล้วนๆในการต่อสู้กับศัตรู เป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าบ้าระห่ำในการต่อสู้ เป็นเพื่อนที่เรียนมารุ่นเดียวกันกับอิชิมารุ งินและคุจิกิ เบียคุยะ จากอาจารย์คนเดียวกันคือยามาโมโตะ เก็นริวไซ ชิเงคุนิ

ประวัติ

เคนปาจิ มาจากเขตเมืองลูคอนเหนือที่ 80(ก้นบึ้งแห่งความมืดมิด) เป็นบุคคลที่ไม่มีความกลัวต่อสิ่งใดๆ มีภูมิหลังที่น่าเห็นใจ และน่าสงสารอย่างมากอีกคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า "ซาราคิ" โดยชื่อ "เคนปาจิ" เป็นชื่อที่มอบให้กับยมทูตที่เก่งกาจและชอบการฆ่าฟันมากที่สุด และยมทูตที่ฆ่าศัตรูได้มากที่สุด ความหมายก็คือ ถึงจะถูกฆ่ากี่ครั้งก็ไม่มีวันตาย(อมตะนั่นเอง) เขาได้พบกับยาจิรุในเมืองลูคอนเขตที่ 79 ทันทีที่เขาเข้าบรรจุใน 13 หน่วยพิทักษ์ เขาได้ดวลกับหัวหน้าหน่วยและฆ่าอดีตหัวหน้าหน่วยที่ 11 และตนเองได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยที่ 11 แทน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ชื่อดาบฟันวิญญาณของตัวเอง และปลดปล่อยสวัสดิกะได้เลย แต่ด้วยเพราะความสามารถและมีความมุ่งมั่นจึงเป็นหัวหน้าหน่วยคนเดียวใน ประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถปลดปล่อยดาบได้ ดาบของเขาเป็นดาบที่ปลดปล่อยขั้นชิไคตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เคนปาจิพยายาม "คุย"กับดาบของตัวเองเพื่อให้บอกชื่อ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากดาบฟันวิญญาณและดาบเองก็ไม่ยอมบอก จึงไม่รู้ชื่อมาจนถึงปัจจุบัน
  • วันเกิด / 19 พฤศจิกายน
  • ส่วนสูง / 219 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก / 90 กิโลกรัม
  • ความชอบส่วนตัว / ไล่ฟันลูกน้องหน่วย11
  • ความถนัดส่วนตัว / ประลอง
  • อาหารที่ชอบ / ข้าวเกรียบกุ้ง
  • อาหารที่ไม่ชอบ / นัตโตะ
  • การพักผ่อนสบายๆในวันหยุด / นอนกลางวัน

บทบาท

ภาคโซลโซไซตี้

เคนปาจิได้ฟังลักษณะของเรียวกะจากปากของอิกคาคุ จะได้ตามล่าพวกเรียวกะ โดยเขากับยาจิรุได้มาเจออิจิโกะที่ หอสำนึกผิดและได้ต่อสู้กัน ภายหลังทั้งคู่ได้ล้มลงไปโดยอีจิโกะล้มก่อนและได้ขอโทษที่ไปต่อได้แค่นี้แต่ สุดท้ายเคมปาจิก็ล้มตามและได้บอกว่าตนแพ้ ยาจิรุจึงพาเคมปาจิไปรักษา ระหว่างที่รอหัวหน้าอุโนฮานะมา นั้น เขาได้พูดกับดาบฟันวิญญาณว่าชื่ออะไร แต่ก็ไม่มีเสียงเรียก พร้อมกับตั้งปณิธานกับตนเองว่าจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ หลังจากนั้นเขาก็สลบไป
ต่อมายาจิรุได้พาโอริฮิเมะมาหาเคนปาจิ โดยเขาขอร้องให้โอริฮิเมะพาเขาไปหาอิจิโกะที ระหว่างทางได้ถูกหัวหน้าโคมามูระกับรองหัวหน้าอิบะ และหัวหน้าโทเซ็นกับรองหัวหน้าฮิซากิขวาง เอาไว้ จึงได้เกิดการต่อสู้ขึ้น โดยหัวหน้าโทเซ็นต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ หัวหน้าโคมามูระจึงเข้ามาสู้แทน แต่ยังไม่ทันได้สู้เกิดโคมามูระเห็นหัวหน้าใหญ่ยามาโมโตะปลดปล่อยดาบ จึงตามไปที่แสงนั่น
และตอนที่อุริว โดนคานาเมะจับ เคมปาจิก็ได้ช่วยเหลือด้วย

ภาคเบาท์

เคมปาจิและยาจิรุได้รับแจ้งว่ามากิ อิชิโนเสะอดีตยมทูตหน่วยที่ 11 ที่ออกจากโซลโซไซตี้ว่าได้เข้าร่วมมือกับพวกเบาท์ในการทำลายโซลโซไซตี้ เขาจึงออกไปเพื่อตามหามากิ จนกระทั่งได้พบที่แหล่งกลบดานในเขตคุซาจิชิ โดยเคมปาจิ ยื่นขอเสนอให้มากิ ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับทีมอิจิโกะว่า หากต้องการขัดขวางทีมอิจิโกะ เคมปาจิ จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งแต่อย่างใด แต่หากไม่ขัดขวางทีมอิจิโกะ เคมปาจิจะต่อสู้ด้วย เนื่องจากความแค้นที่มากิมีต่อเคมปาจิ (มากิ อิชิโนเสะมีความแค้นส่วนตัวกับเคมปาจิที่ฆ่าหัวหน้าหน่วยที่ 11 คนก่อนไป) เลยได้เลือกที่จะต่อสู้ จึงได้เกิดการต่อสู้ขึ้น โดยเคมปาจิเองก็เกือบพลาดท่า แต่เมื่อได้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดสลายพลังวิญญาณของมากิไปจึงต่อสู้ชนะในที่ สุด (โดยการถอดที่ปิดตาออก) (สุดท้าย อิชิโนเสะ มากิ โดนคาริยะ (หัวหน้าเบาท์) ฆ่าตายที่เนินโซเคียคุ )

ภาคอารันคาร์

เคมปาจิได้ถูกหัวหน้าใหญ่สั่งมาพร้อมกับเบียคุยะ ให้มาพาตัวหน่วยฮิซึกายะที่อยู่บนโลกมนุษย์กลับโซล โซไซตี้ เพื่อเตรียมพร้อมรบ

ภาคฮูเอโก้ มุนโด้

เคมปาจิได้เข้ามาช่วยอิจิโกะที่กำลังถูกลูกน้องของ นอยโทร่า จิลก้า เอสปาด้าหมายเลข 5 ทำร้ายจนบาดเจ็บ จึงทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่าง ซาราคิ เคมปาจิ กับ นอยโทร่า จิลก้าขึ้น โดยมีอิจิโกะ โอริฮิเมะ และยาจิรุคอยดูอยู่ห่างๆ ทั้งคู่สู้กันอย่างดุเดือด นอยโทร่า จิลก้าได้เสียท่าให้กับ ซาราคิ เคมปาจิจึงปลดปล่อยร่างจริงแสดงพลังที่แท้จริงของตน จนซาราคิ เคมปาจิต้องพลาดท่าเสียทีให้กับนอยโทร่า จิลก้าไปหลายแผล แต่สุดท้ายซาราคิ เคมปาจิ เป็นต้องเอาจริง หันมาจับดาบ 2 มือ(เคนโด้)ซึ่งที่จริงแล้วก็ไม่ชอบใช้นัก และเป็นฝ่ายสยบเอสปาด้าอันดับ 5 นอยโทร่า จิลก้าในดาบเดียว

ดาบฟันวิญญาณ

เป็นดาบคาตานะที่คมดาบนั้นบิ่น ๆ เนื่องจากซาราคิ เคนปาจินั้นชื่นชอบการต่อสู้จึงใช้แต่พลังของตนเอง จนจำชื่อดาบของตัวเองไม่ได้(ตอนสู้กับอิจิโกะนั้น ซันเงสึได้บอกว่าดาบฟันวิญญาณของเคมปาจินั้นยังคงร้องโหยหวน แต่ผู้เป็นนายนั้นกลับไม่ได้ยิน) และปัจจุบันก็ยังคงไม่รู้ชื่อเหมือนเดิม

ประวัติซุยฟง

ลักษณะ/อุปนิสัย

ซุยฟง เป็นตัวละครที่มีรูปลักษณ์ภายนอกดูสงบแต่ก็ดุดัน ลักษณะพิเศษคือไว้ผมมัดด้วยเชือกสลับฟันปลาสองข้างและมัดสายคาดเอวสีหลือง อุปนิสัยเย็นชาและทำทุกอย่างตามที่ได้รับคำสั่งมาอย่างสุดความสามารถจึงแลดู เป็นคนไร้หัวใจบ้างในบางสถานการณ์ หากแต่ภายในลึกๆจริงก็แฝงความอ่อนโยนด้วยเช่นกัน เป็นผู้หญิงที่เทิดทูนโยรุอิจิมาก ซุยฟงนั้นจะให้ความสำคัญต่อลูกหน่วยของตนเองมากแต่ยังไม่มีใครรู้ถึงความ ห่วงใยนี้สักเท่าไหร่ เพราะ การกระทำของเจ้าหล่อนเป็นเหตุนั่นเอง ซุยฟงนั้นบางครั้งก็ปากไม่ตรงกับใจอยู่บ้างเหมือนกัน ทั้งๆที่ห่วงลูกน้องของตนเองแต่ก็มักต่อว่าต่อขานอยู่เรื่อย ซึ่งนี่คือหนึ่งในเหตุที่ทำให้ลูกน้องบางส่วนไม่เข้าใจในตัวตนของเจ้าหล่อน สักเท่าไหร่นัก ซุยฟงนั้นจะเป็นคนที่ยึดมั่นในคำสัญญามากเป็นคนที่เมื่อพูดออกไปแล้วก็จะไม่ กลับคำเด็ดขาด เป็นคนที่มีความจงรักภักดีสูงต่อคนที่ตนเองยกย่องเทิดทูน หากคนไหนที่สนิทกับซุยฟงมากๆก็จะได้เห็นซุยฟงหน้าแดงอยู่บ่อยๆเพราะจริงๆ แล้วเจ้าหล่อนเองก็ขี้อายและมีเสน่ห์น่ารักมากพอสมควร แต่เสียตรงที่ว่าเป็นคนที่คิดมากเกินไปและมักปากแข็งนั่นเอง

ประวัติ

ซุยฟง มีชื่อเดิมว่า "ฟงเชาหลิน"(蜂少林 (คำว่า 少林 เป็นภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า "โชริน (shorin)" ซึ่งแปลในภาษาจีนได้เป็น "เชาหลิน")) เป็นบุตรสาวคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 6 คน ซึ่งเกิดในตระกูลฟงซึ่งเป็นตระกูลซึ่งมีความเก่งกาจเป็นคุณค่าเดียวที่มี จึงอุทิศตนให้กับหน่วยปราบปราม เมื่อเธอเข้ามาในหน่วยปราบปรามจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "ซุยฟง" ซึ่งเป็นชื่อรหัสที่สืบทอดมาจากย่าทวด ในระหว่างการเข้าเป็นหน่วยลับ เธอได้มีความรู้สึกยอมรับนับถือหัวหน้าหน่วยปราบปรามในตอนนั้น ซึ่งก็คือ "ชิโฮอิน โยรุอิจิ" เนื่องจากความเก่งกาจและความสง่างาม จนในที่สุด เธอก็ได้เป็นองครักษ์ของโยรุอิจิ ซึ่งเธอก็ได้สาบานจะจงรักภักดีกับโยรุอิจิตลอดไป จนเมื่อวันหนึ่ง เธอได้รับข่าวว่าโยรุอิจิได้ทำการช่วยเหลือนักโทษเนรเทศอย่าง "อุราฮาร่า คิสึเกะ" จนโดนปลดจากหัวหน้าหน่วยลงทัณฑ์ ทำให้ซุยฟงแทบจะสิ้นศรัทธาในตัวของโยรุอิจิ และสาบานว่าจะมีฝีมือเหนือกว่าและจัดการโยรุอิจิให้ได้และต่อมาซุยฟงก็ได้ เข้าเป็นหัวหน้าหน่วยลงทัณฑ์และก็ได้รับสมยานามว่าเป็นคนที่มีความเร็วเหนือ กว่าทุกๆคนในโซลโซไซตี้ ร้อยปีให้หลังซุยฟงก็คิดค้นท่าที่ไม่มีใครใน 13 หน่วยพิทักษ์ สามารถใช้ได้นั่นก็คือ "ชุนโค" หรือ "ยุทธพริบตา" นั่นเอง ซึ่งท่านี้จะเป็นการผสานระหว่าง วิถีมารและเพลงปะทะ (ฮาคุดะ) และระเบิดพลังออกมาทางหลังและไหล่ ทำให้ชุดที่ปกปิดหลังและไหล่ขาดกระจุยออกไป ซึ่งเครื่องแบบออกรบเฉพาะของหัวหน้าหน่วยลงทัณฑ์ก็ออกแบบมาเพื่อการนั้นนั่น เอง
  • วันเกิด / 11 กุมภาพันธ์
  • ส่วนสูง / 150 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก / 38 กิโลกรัม
  • ดาบฟันวิญญาณ / ซึซึเมะบาจิ
  • คำปลดปล่อย / “จงไล่ล่าเสียบสังหาร ซึซึเมะบาจิ”
  • ความชอบส่วนตัว / สะสมสินค้าที่เป็นแมว
  • ความถนัดส่วนตัว / ลอบสังหาร
  • อาหาร / อาหารที่ชอบ - ปลา
  • อาหารที่ไม่ชอบ - เนื้อ
  • การพักผ่อนสบายๆในวันหยุด / ฝันถึงวันคืนที่ต่อสู้ร่วมกับโยรุอิจิ, ฝึกฝนชุนโค

ข้อมูลหน่วย2
สัญลักษณ์ของหน่วย2คือ ดอกโอคินางุสะ ความหมายคือ "ไม่ปรารถนาในสิ่งใด"
หน่วย2เป็นหน่วยลอบสังหารที่เก่งที่สุดในบรรดา13หน่วยพิทักษ์ สมาชิกจะแต่งตัวด้วยชุดสีดำและรัดกุม ปิดบังใบหน้า มีความรวดเร็วและว่องไว เคลื่อนไหวได้เงียบกริบดั่งเงา เคยมีหัวหน้าที่เก่งที่สุดคือ ชิโฮอิน โยรุอิจิ ในตอนนี้ถูกปกครองด้วยหัวหน้าหน่วย2บุคลิกอย่างซุยฟงหรือ ฟง เชาหลิน หน่วย2มีหน้าที่ลอบสังหารผู้ผิดกฏของโซล โซไซตี้หรือทำการจับกุมผู้กระทำผิด"อย่างลับๆ"โดยนำไปคุมขังในคุกลับ เนื่องจาก หลังการจับกุมเสร็จสิ้น จะระบุว่าการที่คนๆนั้นหายตัวไปคือ "การถอนตัว"(จริงๆแล้วใน13หน่วยพิทักษ์ไม่มีระบบถอนตัว ซึ่งกฏนี้มีเพียงหัวหน้าหน่วยไม่กี่คนที่รู้ เพราะ46ห้องวังกลางถือว่าคนที่เข้าไปใน13หน่วยพิทักษ์จะต้องไม่มีข้อติหรือ มีความประพฤติที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น)

บทบาท

ภาคโซลโซไซตี้

ซุยฟงซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยที่อยู่ ณ ที่เนินโซเคียคุ ได้เผชิญหน้ากับโยรุอิจิอีกครั้ง และทั้งคู่ได้เข้าต่อสู้กัน จนซุยฟงไล่ต้อนโยรุอิจิแทบจะจนมุม ทำให้โยรุอิจิงัดไม้เด็ดของตน "ชุนโค" (ญี่ปุ่น: 瞬閧 shunkō ยุทธพริบตา ?) ออกมาทำให้สถานการณ์พลิกผันไปในที่สุด แต่ในท้ายที่สุดซุยฟงก็ได้เผยความในใจของตนออกมา จริงๆเธอก็ยังมีศรัทธาในตัวของโยรุอิจิอยู่มากและในตอนนั้นเธอก็ต้องการที่ จะไปกับโยรุอิจิเช่นกัน แต่ที่เธอโกรธแค้นเป็นเพราะว่าโยรุอิจิไม่พาเธอไปด้วย
ในตอนท้ายของภาคโซลโซไซตี้ ซุยฟงเป็นหนึ่งในหัวหน้ายมทูตที่เข้าล้อมจับไอเซ็นและพรรคพวก

ภาคเบาท์

ซุยฟงได้เดินทางมาที่โลกพร้อมกับโยรุอิจิเพื่อสืบเรื่องของเหล่าเบาท์ และหลังจากการรุกรานภายในโซลโซไซตี้ของเหล่าเบาท์ เธอได้ต่อสู้กับเบาท์ ที่ชื่อ "มาบาชิ" และแม้จะเสียท่าไปบ้างจากการถูกพิษของมาบาชิ โดยซุยฟงได้จำคำสอนของโยรุอิจิสมัยที่อยู่ในหน่วยปราบปราม จึงได้สลักโฮมงกะที่แขนของเธอและรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดเพื่อขจัดริซึดอลล์ ของมาบาชิ และกำจัดเขาได้ในที่สุดด้วยการโจมตีของซึซึเมะบาจิในครั้งที่สอง

ภาคฮูเอโก้มุนโด้

ซุยฟงได้บุกไปที่เมืองคาราคุระพร้อมกับหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยที่ เหลือเพื่อต่อสู้กับไอเซ็น และได้เข้าสู้กับเอสปาด้าอันดับ2บารากัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรบารากันได้
กระทั่งซุยฟงโดนลมหายใจมรณะของบารากันไปที่แขนจนเหลือแต่กระดูก จึงให้โอมาเอดะตัดแขนทิ้งซะ ก่อนที่จะให้โอมาเอดะต้านไว้แล้วหลบหนีไปเตรียมตัว และในที่สุด ซุยฟงปลดปล่อยสวัสดิกะของซึซึเมะบาจิใส่บารากันถึงสองครั้ง การจู่โจมประสบความสำเร็จในครั้งที่สองด้วยความช่วยเหลือของไวเซิร์ดและ กำจัดบารากันลงได้ในที่สุด กระทั่งเมื่ออิจิโกะมา เธอได้เป็น1ในหัวหน้าหน่วยที่เข้าไปโจมตีไอเซ็นเพื่อเปิดช่องว่างให้อิจิโกะ มีจังหวะปราบไอเซ็น แต่ไม่ประสบผล ถูกไอเซ็นฟันร่วงลงไปพร้อมกับหัวหน้าหน่วยคนอื่นและเหล่าไวเซิร์ด

ดาบฟันวิญญาณ

ขั้นต้น (ชิไค)

  • ชื่อ: ซึซึเมะบาจิ (ญี่ปุ่น: 雀蜂 Suzumebachi ตัวต่อ ?)
  • คำปลดปล่อย : จงไล่ล่าเสียบสังหาร" (ญี่ปุ่น: 尽敵螫殺 jinteki shakusetsu ?)
  • ลักษณะ : จะแปรสภาพของดาบให้กลายเป็นมีดขนาดเล็กติดที่ข้อมือและนิ้ว รูปแบบคล้ายกับเหล็กไนของแมลง
  • รูปร่างที่แท้จริง : เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งตัวต่อ สูงประมาณ 15 เซนติเมตร แต่เป็นเพศหญิงหน้าตาดุดันเจ้าเล่ห์ ผมสีแดงเลือดหมู ที่แขนเป็นทรงเหล็กไนตัวต่อเหมือนตอนปลดปล่อยขั้นต้น
  • ความสามารถ : เมื่อใช้อาวุธชิ้นนี้ทำร้ายเป้าหมายได้ครั้งหนึ่ง จะสร้างลายรอยสักขึ้นบนร่างของเป้าหมายบริเวณที่โจมตี ที่ชื่อ "โฮมงกะ" (ญี่ปุ่น: 蜂紋華 บุปผาลายผึ้ง ?) และถ้าใช้ซึซึเมะบาจิโจมตีที่จุดนั้นอีกครั้ง ก็จะปลิดชีพเป้าหมายได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นใคร หรือเก่งกาจแค่ไหนก็ตาม ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องแทงไปจุดที่มีรอยโฮมงกะแค่ให้บาดแผลภายในซ้อนทับ กันตรงจุดใดจุดหนึ่งก็ปลิดชีพได้เช่นกัน
ความสามารถในการรบ
พลังโจมตี 80
พลังป้องกัน 60
การเคลื่อนไหว 100
วิถีมาร/แรงกดดันวิญญาณ 60
ภูมิปัญญา 60
พลังกาย 100

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)

  • ชื่อ : "จาคุโฮไรโคเบ็น (ตัวต่อแส้สายฟ้า)"
  • ลักษณะ : ร่างนั้นยังคงเป็นซุยฟงเหมือนธรรมดา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเป็นพิเศษ หากซึซึเมะบาจิที่มีรูปร่างคล้ายเข็มเล็กๆ ติดกับปลายนิ้วกลางมือขวา บัดนี้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบติดแขนเล่มโต เทียบกับส่วนสูงของซุยฟงแล้วยังสูงกว่ากันเกือบเท่าตัว ตัวดาบดูกลมไม่แบนเหมือนดาบทั่วไป ดูไปดูมาคล้ายเข็มเล่มโตมากกว่าจะเป็นอาวุธฟาดฟัน ส่วนของดาบที่ติดกับแขนและไหล่นั้นขึ้นรูปเป็นลักษณะคล้ายโล่หรือเกราะ สำหรับบังหน้า (ปืนใหญ่)
  • ความสามารถ : ยิงจรวด(หรือrocket launcher)ใส่ศัตรูและเกิดระเบิดอณูวิญญาณขนาดใหญ่ มีพลังทำลายล้างสูงมาก
ซุยฟงไม่ค่อยชอบปลดปล่อยสวัสดิกะของตนเท่าไหร่นัก เพราะวิธีการใช้ขัดแย้งกับวิธีลอบสังหารของหน่วยลับ เนื่องจากรูปร่างใหญ่โตเทอะทะซ้ำยังหนักจนแทบเคลื่อนไหวไม่ได้ อีกทั้งการจู่โจมก็ยังโจ่งแจ้งเกินกว่าจะเป็นการลอบสังหาร(การระเบิดขั้นสุด ยอด)
เพิ่มเติม ซุยฟงเป็นรองผู้อำนวยการของสมาคมยมทูตสตรีและซุยฟงได้คิดท่าที่นำฮาคุดะผสม กีบวิถีมารคล้ายๆของโยรุอิจิออกมาเป็นสายลมค่อนข้างไร้รูปร่าง แตกต่างจากของโยรุอิจิที่เมื่อใช้แล้วจะเป็นรูปบบคล้ายสายฟ้าสีขาวชัดเจน

ลับสุดยอด

  • เยือกเย็นและเย็นชา แต่ขี้อายและมีเสน่ห์ ดูเหมือนว่านิสัยจะกลับตาลปัตรทันทีเฉพาะตอนที่อยู่กับโยรุอิจิ แต่เหมือนจะโชคดีที่ลูกน้องในหน่วยยังไม่รู้เรื่องนั้น มีคนในหน่วยที่สองและหน่วยลับมากมายหลงใหลในตัวซุยฟง จนถึงกับมีแฟนคลับ
  • เมื่อรู้ว่าพักหลังๆซุยฟงเริ่มสะสมสินค้าที่เป็นแมว ก็ถึงกับมีสินค้าแมวมาส่งถึงที่ทำการหน่วยที่สองเป็นพักๆ เลยทีเดียว สาเหตุนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือแมวคือตัวแทนของโยรุอิจิ ที่มักแปลงร่างเป็นแมวสีดำเดินไปเดินมาแทนร่างจริงเพื่อความปลอดภัย
  • ต่อให้ซ่อนตัวเก่งขนาดไหน ก็ไม่เคยหลุดรอดจากสายตาและประสาทสัมผัสอันฉับไวของโยรุอิจิสักที
  • เหมือนจะปากแข็งใจแข็ง แต่หากไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ คนอื่นๆก็สามารถขอร้องแกมบังคับให้ซุยฟงทำอะไรประหลาดๆได้ทุกที
  • เครดิต:น้องวิกี้ตคุง

ประวัติอุราฮาร่า โคสึเกะ

ลักษณะ/อุปนิสัย

คิสึเกะ เป็นเจ้าของร้านอุราฮาร่า ผู้มีเอกลักษณ์คือสวมเสื้อจินเบ ใส่หมวกลาย และสวมรองเท้าเกี๊ยะ (ตอนแรกอิจิโกะเรียกอุราฮาร่าว่า "เจ้าหมวกเกี๊ยะ") ภายนอกดูเหมือนเป็นคนบ้าๆบอๆ แต่เมื่อเขาจับดาบฟันวิญญาณแล้วจะเปลี่ยนเป็นคนละคนทันที

ประวัติ

ปัจจุบันคิสึเกะเป็นผู้จัดการร้านอุราฮาร่า ชอบสวมเกี๊ยะกับหมวกตลอด จนอิจิโกะเรียกว่า "เจ้าหมวกเกี๊ยะ" มีลูกน้อง 3 คน คือ เท็ตไซ จินตะ และอุรุรุ ซึ่งแต่ละคนมีพลังที่พอจะปราบฮอลโลว์ได้ คิสึเกะเคยเป็นผู้ก่อตั้งและหัวหน้ากองรุ่นแรกของกองวิจัยวิทยาการ (หน่วย 12 ของโซลโซไซตี้) แต่ต่อมาได้ถูกเนรเทศออกจากโซลโซไซตี้ตลอดกาล เนื่องจากคิดค้นโฮเงียคุกับกายหยาบที่ดูดกินพลังของยมทูตขึ้น และต่อมากายหยาบนี้เองที่เป็นสาเหตุให้พลังวิญญาณของลูเคียฟื้นช้า (ที่จริงไม่ฟื้นเลย เพราะเป็นกายหยาบที่ดูดกลืนพลังวิญญาณ) แต่ในคราวนั้นคิสึเกะก็ได้โยรุอิจิที่เป็นเพื่อนสนิทช่วยเหลือ จนได้มาเป็นคนขายของบนโลกมนุษย์ที่มีลูเคียเป็นลูกค้าประจำ ส่วนตัวแล้วนิสัยจะออกแนวกวนๆ ทะลึ่งทะเล้น แต่กลับเก่งกาจอย่างไม่เข้ากับบุคคลิก มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและฝึกวิชาให้กับอิจิโกะ

บทบาท

ภาค โลกมนุษย์

คิสึเกะขายของให้ลูเคีย คือ ลูกวิญญาณเทียมหรือโซลแคนดี้ แต่ที่ซื้อกลับมากลายเป็นมอดโซลซึ่งห้ามผลิต คิสึเกะจึงจะเอาไปทำลาย แต่ลูเคีย(อิจิโกะเป็นคนยัดใส่ต่างหากเพราะบอกว่ายังด่าที่นายเอาร่างฉันไป ใช้โดยพละการและถามลูเคียว่าต้องอยู่ในร่างมนุษย์เท่านั้นหรือลูเคียตอบว่า ไม่แน่ใจพออิจิโกะหันไปเห็นตุ๊กตาหมีที่กองขยะเลยเอามาแล้วเอายายัดใส่และ ตั้งชื่อว่าคอน )สงสารจึงเอาไปใส่ตุ๊กตายัดนุ่น แล้วคิสึเกะก็ปรากฏอีกครั้งตอนที่ดอน คันออนจิปรากฏตัว แต่ตอนนี้คิสึเกะไม่ช่วยอะไรเพราะอุรุรุอยากดูคันออนจิจึงพามาดู แล้วคิสึเกะก็ปรากฏอีกครั้ง ที่สถานที่ที่ฮอลโลว์มารุมอิจิโกะ ซึ่งคราวนี้คิสึเกะอยู่เฉยๆ แต่ให้พวกจินตะสู้กับฮอลโลว์แทน แล้วก็มาอีก ซึ่งมาช่วยถอดร่างอิจิโกะให้เป็นยมทูตไปชิงตัวลูเคียมา และอีกครั้งก็มากางร่มให้อิจิโกะที่ลงไปนอนกับพื้น แล้วพาไปฝึกบททดสอบสุดโฉดเพื่อเรียกพลังยมทูตคืนมา รอบแรก ให้สู้กับอุรุรุที่พลังสูงม๊ากมากแต่ก็ชนะได้ รอบสอง ให้ชิงพลังยมทูตมา ซึ่งอิจิโกะได้พบซันเงสึ ส่วนรอบสาม คิสึเกะลงมือต่อสู้กับอิจิโกะแต่อิจิโกะก็ผ่านได้ แล้วคิสึเกะก็สร้างประตูเซ็นไกมอนให้พวกอิจิโกะเข้าไปแล้วคิสึเกะก็จบบทบาท โลกที่ตรงนั้น และได้ออกมารับพวกอิจิโกะ หลังจากที่ได้กลับมาจากโซลโซไซตี้แล้ว

ภาคเบาท์

อุราฮาระได้สร้างตัวเซนเซอร์ตรวจจับหาเบาท์ขึ้นมา และให้ไปอยู่ในกายหยาบที่สร้างขึ้น (เป็นลูกแก้ววิญญาณ ตอนหลังอยู่ในตุ๊กตาแทน มี 3 ตัว) และได้จัดฉากสร้างการฝึกให้กับพวกอิจิโกะ โดยให้ลูกแก้ววิญญาณ (ตัวเซนเซอร์เบาท์) แกล้งเป็นตัวร้าย ตอนหลังเฉลยให้พวกอิจิโกะได้รู้ถึงศัตรูตัวใหม่ที่แฝงเข้ามาในเมืองคาราคุระ และพวกอิจิโกะก็ได้ต่อสู้กับเบาท์จนไปถึงโซลโซไซตี้

ภาค อารันคาร์

คิสึเกะและโยรุอิจิได้มาช่วยอิจิโกะที่โดนฮอลโลว์ครอบงำแล้วถูกยามี่เล่น งานจนแทบสะบักสะบอม แต่แล้วอุลคิโอร่าเข้ามาช่วยยามี่ไว้จึงพาหนีไปได้ต่อมาได้ช่วยรองหัวหน้า รันงิคุจากการถูกลูปีโจมตีและได้ต่อสู้กับ วอนเดอร์ไวซ์ มัลเจร่าซึ่งเป็นอารันคาระดับเอสปาด้าตัวใหม่

ภาค อดีต

อุราฮาร่า คิสึเกะ เคยเป้นหัวหน้าหน่วยย่อยของหน่วย2 ใต้บังคับบัญชาของชิโฮอิน โยรุอิจิ เขาปรากฏตัวขึ้นด้วยการสู้กับโยรุอิจิ และได้พูดคุยถึงเรื่องการเสนอคิสึเกะให้เป็นหัวหน้าหน่วยจากโยรุอิจิ ซุยฟงที่ยังเป็นสมาชิกอยู่คัดค้านการเป็นหัวหน้าของคิสึเกะ จึงได้แอบติดตามไปดูพฤติกรรม แต่ก็ถูกโยรุอิจิจับได้และถุกแซวว่าแอบชอบคิสึเกะ ขณะนั้น หน่วยลับก็มาแจ้งข่าวบางอย่าง คิสึเกะรีบออกไปทันทีโดยทิ้งความสงสัยของซุยฟงไว้เบื้องหลัง และได้สัญญากับโยรุอิจิว่าจะกลับมาให้ทันการทดสอบการเป็นหัวหน้าหน่วยที่12 คิสึเกะกับพรรคพวกได้ซุ่มดูบ้านหลังหนึ่งและเตรียมจะบุก ซุยฟงตามมาเพราะต้องการแก้ข้อสงสัย แต่ก่อนจะพูดอะไร คิสึเกะบอกเพียงแค่ว่า ในนั้นเป็นพวกยมทูตที่หนีออกมา และหายตัวเข้าไปในบ้านหลังนั้น ไม่กี่วินาทีถัดมาบ้านก็ระเบิด ซุยฟงที่รีบวิ่งตามมาดูก็พบเพียงคิสึเกะยืนอยู่ท่ามกลางเหล่ายมทูตหลบหนีที่ หมอบราบไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ณ ที่ประชุมหัวหน้าหน่วย คิสึเกะก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในชุดคลุมยาวของหัวหน้าหน่วยที่12 เป็นการยืนยันหลักฐานว่าเขาผ่านการทดสอบจากหัวหน้าหน่วย4คนเป็นที่เรียบร้อย

ดาบฟันวิญญาณ

ไฟล์:C:\Documents and Settings\pc\Desktop\L\BLEACH\URAHARA

ขั้นต้น (ชิไค)

  • ชื่อ : เบนิฮิเมะ (ญี่ปุ่น: 紅姫 Benihime เจ้าหญิงโลหิต ?)
  • คำปลดปล่อย : จงร่ำร้อง (ญี่ปุ่น: 泣け nake ?)
  • ลักษณะ :เป็นดาบตรง ตรงส่วนที่งอเหมือนไม้เท้าจะเปลื่ยนแบบไป ตัวดาบกับด้ามดาบติดกันโดยไร้กรั่นดาบ(เพราะกรั่นแบนเรียบติดใบดาบ)แต่ บริเวณดังกล่าวมีเชือกสีแดงผูกโบว์ด้านนึง อีกด้านมีระย้าโซ่(รูปแบบโซ่สามเหลี่ยม)ห้อยออกมา ด้ามดาบมีไหมญี่ปุ่นทักสีแดงห้อยอยู่
  • ความสามารถ :
'
รูปแบบที่ 1 Nake Benihime เป็นท่าโจมตีด้วยพลังแบบเดียวกับซีโร่ของเหล่าอารันคาร์ มีลักษณะคล้ายคลื่นดาบพุ่งออกไป มีเสียงคล้ายจรวดพุ่ง
รูปแบบที่ 2 เป็นการสร้างโล่ ที่มีชื่อว่า "โล่หมอกโลหิต" กางเป็นม่านพลังรูปหกเหลี่ยม มีตัวอักษรบนโล่หมอก สามารถใช้ป้องกันพลังหรือการโจมตีได้
รูปแบบที่ 3 Kirisaki Benihime เป็นท่าโจมตีที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากใช้โล่หมอกโลหิตแล้ว จะเป็นการยิงกระสุนสีเลือดจำนวนมากจากโล่หมอกโลหิต ( คำว่าคิริซากิ หมายถึง การตัดฉีก หรือแยกออก )
รูปแบบที่ 4 Shibari Benihime จะสร้างพลังสีเลือดคล้ายแหออกไปคลุมศัตรูเอาไว้ ทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวไม่ได้
รูปแบบที่ 5 Hiasobi Benihime Juujutsunagi เป็นท่าต่อเนื่องจาก Shibari benihime ที่เมื่ออุราฮาร่าปักดาบลงบนแหแล้ว จะเกิดเป็นลูกบอลบรรจุไฟเล็กๆ ผุดขึ้นตามแหนั้น ไปจนทั่วแล้วเกิดระเบิดขนาดมหาศาลในเขตพื้นที่ที่แหนั้นปกคลุมไว้

ขั้นสวัสดิกะ (บังไค)

มีแต่ยังไม่ปรากฏครับ
เพราะว่าอุราฮาร่า คิสึเกะเคยเป็นหัวหน้าหน่วยท่ 12 หัวหน้าหน่วยทุกคนมีบังไคทุกคน(ยกเว้นซาราคิ เคมปาจิเพราะเข้าเป็นหัวหน้าหน่วยได้โดยฆ่าหัวหน้าคนเก่าได้)+โยรุอิจิเคย บอกว่าอุราฮาร่าสามารถปลดปล่อยบังไคได้ภายใน 3 วัน และในตอนที่ 126 แชดได้มาขอให้อุราฮาร่าช่วยทำให้เขาเก่งขึ้น อุราฮาร่าจึงขอให้อาบะไรเป็นคนฝึกให้แชดเพราะคนที่จะฝึกให้จะต้องใช้บังไค จึงจะทำให้แชดเก่งขึ้นได้ แต่อาบะไรไม่ไม่ยอมโดย อ้างว่าอุร่าฮาร่าเองก็มีบังไคเช่นกัน อุราฮาร่าจึงตอบว่า" ...บังไคของผมใช้ฝึกใครไม่ได้หรอกครับ... " อาบะไรจึงยอมฝึกให้แชด เชื่อกันว่าบังไคของอุราฮาร่า มีพลังมากที่สุดในบรรดายมทูต

เครดิต:น้องวิกี้พีเดีย

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประวัติโยรุอิจิ

ลักษณะ/อุปนิสัย

โยรุอิจิ เป็นหญิงสาวใบหน้าคมเข้มสะสวย ผิวสีแทน ตาสีเหลือง ผมสีม่วง ปกติอยู่ในร่างของแมวดำ โดยจะใช้ร่างจริงในเวลาต่อสู้เท่านั้น มีนิสัยเรียบง่าย เก่งกาจในการต่อสู้ด้วยฮากุดะและวิถีมาร ความสามารถในการต่อสู้จัดอยู่ในขั้นสูงมาก คำพูดคำจาเฉียบขาด แต่จริงๆแล้วเป็นผู้หญิงใจดี เพียงแค่การแสดงออกยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ และเป็นผู้ที่ฝึกสอนการต่อสู้ให้กับอิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ และซาโดะ ยาสึโทระอีกด้วย

ประวัติ

ชิโฮอิน โยรุอิจิ เป็นหัวหน้ารุ่นที่ 22 แห่งตระกูลชิโฮอิน 1 ใน 4 ตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งโซลโซไซตี้ และเป็นหัวหน้าตระกูลคนแรกที่เป็นผู้หญิง เธอได้รับสมญานามว่า เทนชิเฮย์โซบัง (ญี่ปุ่น: 天賜兵装番 tenshiheisōban ?) โดยเธอได้ป็นผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลับแห่งโซลโซไซตี้ (หน่วยหน้าหน่วยย่อยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บัญชาการโดยตำแหน่ง) นอกจากนี้ยังเป็น หัวหน้าหน่วย 2 แห่ง 13 หน่วยพิทักษ์ด้วย แต่สุดท้ายเธอก็ถูกปลด เนื่องจากช่วยนักโทษอุราฮาร่า คิสึเกะหลบ หนีออกจากโซลโซไซตี้ ปัจจุบันไม่รู้ว่าพักอยู่ที่ไหน แต่มักจะโผล่ออกมาในเวลาเหมาะๆเสมอ ดังนั้นจึงคาดกันว่าเธออาจไปนอนอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ไกลจากร้านอุราฮาร่า
โยรุอิจินับว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเข้าขั้นสวยทีเดียว รูปร่างสูงสง่างาม มีผิวสีแทน ดวงตาสีเหลือง ผมยาวสีม่วงองุ่น(เมื่อก่อนไว้ผมสั้น) นิสัยออกจะเข้มงวด มีความรอบรูเรื่องโซลโซไซตี้มากและเป็นเพื่อนสนิทกับอุราฮาร่า คิสึเกะ สามารถแปลงร่างเป็นแมวได้และปกติจะอยู่ในร่างแมวดำ (แต่พักหลังๆจะอยู่ในร่างคนบ่อยขึ้น) และเป็นผู้หญิงที่มีความเก่งกาจในการใช้ชุนโคมาก ฝีมือในการใช้และพลังชุนโคเหนือกว่าซุยฟง และพลังที่ปะทุออกมาเป็นรูปร่างมากกว่าที่ซุยฟงใช้ ในอดีตเคยถูกเรียกขานว่า "เทพพริบตา โยรุอิจิ"เพราะก้าวพริบตาของโยรุอิจินั้นเร็วมากจนหน่วยลับทั้งหน่วยกองลงไป กับพื้นโดยไม่รู้ตัว และยังชอบเล่นหัวกับคุจิกิ เบียคุยะ แถมยังชอบขโมยเชือกมัดผมของเบียคุยะ จากนั้นก็ก้าวพริบตาหายแว่บไปโดยที่เบียคุยะเองก็ตามไปเช่นกัน(แต่ปกติจะตาม ไม่ทัน)
โยรุอิจิสนิทสนมกับอุราฮาร่า คิสึเกะเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเมื่อก่อนเขาจะเคยอยู่ในหน่วยของเธอมาก่อนแล้ว โยรุอิจิยังเป็นผู้เสนอชื่อคิสึเกะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่12ที่ ว่างอยู่อีกด้วย ตอนที่คิสึเกะอยู่ในหน่วยที่2 ในตำแหน่งพัศดีที่ตรวจสอบและจับยมทูตต้องสงสัยเข้าคุก เขาและโยรุอิจิมักจะฝึกซ้อมฝีมือกันเสมอ และรู้ใจกันเป็นอย่างดีในเรื่องชั้นเชิงกระบวนท่าต่างๆ โดยเมื่ออุราฮาร่ารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วย12แล้ว เธอก็ยังคอยตักเตือนและให้คำแนะนำเขาเหมือนครั้งยังเป็นลูกน้องกันอยู่

บทบาท

โยรุอิจิ ในร่างแมว

ภาค โลกมนุษย์

โยรุอิจิในร่างแมวได้เข้ามาหาคิสึเกะเพื่อเป็นการบอกเตือนเกี่ยวกับการจับตัวของคุจิกิ ลูเคีย และเธอได้พบกับอิโนะอุเอะและซาโดะที่มีพลังวิญญาณ และต้องการไปโซลโซไซตี้เพื่อช่วยลูเคีย ดังนั้นเธอจึงเป็นคนสอนวิชาการต่อสู้ให้

ภาคโซลโซไซตี้

โยรุอิจิได้พาพวกอิจิโกะไป หาชิบะ คูคาคุ เพื่อหาทางเข้าไปในเซย์เรย์เทย์ หลังจากที่เข้าไปในเซย์เรย์เทย์แล้วได้เกิดการระเบิดออก ทำให้ต้องแยกกันไปช่วยลูเคีย ซึ่งเธอได้สอนวิธีการปลดปล่อยสวัสดิกะให้กับอิจิโกะ โดยระหว่างที่อิจิโกะไปช่วยลูเคียนั้นเธอได้ต่อสู้กับซุยฟง ซึ่งซุยฟงโกรธแค้นที่โยรุอิจิหนีไปโดยไม่บอกกล่าว เธอจึงขอยอมแพ้โยรุอิจิ หลังการต่อสู้โยรุอิจิและซุยฟงได้จับกุมตัวไอเซ็นไว้ แต่แล้วไอเซ็นก็หนีไปได้

ภาคเบาท์

โยรุอิจิและคิสึเกะรู้สึกถึงพลังวิญญาณแปลกๆจึงได้ตรวจสอบดูก็พบว่าพวก เบาท์ได้ดูดกลืนวิญญาณของมนุษย์ โยรุอิจิและซุยฟงจึงได้แอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ และแล้วโยรุอิจิก็ได้พบกับเบาท์ที่ชื่อว่า "โซมะ โยชิโนะ" กำลังดูดกลืนวิญญาณ แต่ไม่สำเร็จจึงได้ต่อสู้กัน และโยชิโนะก็หนีไปได้
ต่อมาพวกเบาท์วางแผนบุกโซลโซไซตี้จึงได้เข้าไปยังถ้ำที่พวกเบาท์อยู่ แต่ก็ไม่ทันการพวกเบาท์ได้หนีเข้าไปยังโซลโซไซตี้แล้วจึงได้ตามไป โดยเข้าไปอาศัยที่บ้านของชิบะ คูคาคุ

ภาคอารันคาร์

โยรุอิจิและคิสึเกะได้เข้ามาช่วยอิจิโกะในการต่อสู้กับยามี่และอุลคิโอ ร่า โดยเธอได้รักษาอาการบาดเจ็บของอิโนอุเอะและซาโดะ ซึ่งต่อมาเธอได้พบกับอิโนะอุเอะ และขอร้องให้อิโนะอุเอะถอนตัวจากการต่อสู้

ดาบฟันวิญญาณ

ตามเนื้อหาในปัจจุบันไม่ปรากฏว่ามีดาบฟันวิญญาณ(แต่ในเวอร์ชัน Anime มีฉากรำลึกความหลังที่เห็นโยรุอิจิใช้ดาบเล่มเล็กๆ) โยรุอิจินั้นเก่งกาจด้านวิถีมาร ก้าวพริบตา และวิถีปะทะ(การต่อสู้ด้วยมือเปล่า)มาก ดังนั้นจึงแทบไม่เห็นโยรุอิจิใช้ดาบฟันวิญญาณ
ดาบฟันวิญญาณของโยรุอิจิก็คือ ซึซึเมะบาจิ เนื่องจากในภาคดาบฟันวิญญาณ ซุยฟงได้สู้กับดาบของตน(ซึซึเมะบาจิ) และซึซึเมะบาจิยังบอกอีกว่าตนเคยเป็นดาบฟันวิญญาณของโยรุอิจิมาก่อน